One-Cancels-the-Other (OCO) คือ Order ที่รวม Stop-Limit Order และ Limit Maker Order เข้าด้วยกันโดยมีปริมาณ Order เท่ากัน เมื่อ Order หนึ่งถูกดำเนินการ (Stop Price ถูกทริกเกอร์สำหรับ Stop Limit Order) อีก Order หนึ่งจะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ เมื่อ Order รายการใดรายการหนึ่งถูกยกเลิกจะมีผลให้คู่ OCO ถูกยกเลิกทั้งหมด
ข้อจำกัดด้านราคา:
สำหรับ Order ขาย ราคาจะต้องเป็นไปตามกฎต่อไปนี้:
Limit Price ของ Limit Maker Order > Market Price > Stop Price ของ Stop-Limit Order
สำหรับ Order ซื้อ ราคาจะต้องเป็นไปตามกฎต่อไปนี้:
Limit Price ของ Limit Maker Order < Market Price < Stop Price ของ Stop-Limit Order
เช่น: หาก Last Price คือ 10:
SELL OCO ต้องมี Limit Price มากกว่า 10 และ Stop Price น้อยกว่า 10
BUY OCO ต้องมี Limit Price น้อยกว่า 10 และ Stop Price มากกว่า 10
ตัวอย่าง:
คุณมี 300 USDT ในบัญชีของคุณและคุณคิดว่าแนวโน้มโดยรวมของตลาด BNB / USDT กำลังไปในทิศทางบวก คุณจึงต้องการเข้าสู่ตลาดในราคาที่เหมาะสม ราคาเทรดล่าสุดของ BNB คือ 28.05 USDT และแนวต้าน (Resistance) อยู่ที่ราวๆ 29.50 USDT คุณต้องการซื้อ BNB เมื่อลงมาถึง 27.00 USDT แต่คุณก็ไม่อยากพลาดโอกาสที่ราคาจะทะลุแนวต้าน ดังนั้น คุณสามารถวาง Order แบบ OCO โดยมีปริมาณ 10 ซึ่งรวม Limit Buy Order และ Stop Limit Buy Order โดยให้ราคาของ Limit Maker Order อยู่ที่ 27.00 USDT สำหรับ Stop Limit Order นั้น ให้ Stop Price เท่ากับ 29.50 USDT และ Limit Buy Price เป็น 30.00 USDT
แนวทาง:
เลือก [OCO] ในช่องดรอปดาวน์ จากนั้นระบุ Limit Price เป็น 27 USDT และ Stop Price เป็น 29.5 USDT และ Stop-Limit Price เป็น 30 USDT โดยมีปริมาณเท่ากับ 10 จากนั้นคลิกปุ่ม [ซื้อ BNB] เพื่อส่ง Order

วิธีจัดการปัญหา Order (Exceptions)
1. หากระบบไม่ดำเนินการตาม Order ของคุณ:
โปรดดูราคา Order ที่เลือกไว้ในส่วนของรายการที่เปิดอยู่เพื่อตรวจสอบว่าระดับราคาและปริมาณดังกล่าวตรงกับ Order (Bid/Ask) ของอีกฝ่ายหรือไม่
หากคุณต้องการเร่งการดำเนิน Order คุณสามารถยกเลิก Order นั้นๆ ในส่วนรายการที่เปิดอยู่ จากนั้นส่ง Order ใหม่ในราคาที่สร้างความได้เปรียบมากขึ้น คุณอาจลองพิจารณาใช้ Market Order เพื่อให้ระบบดำเนินการ Order ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
2. หากคุณพบปัญหาอื่นๆ เช่น ไม่สามารถยกเลิก Order ได้ หรือเหรียญไม่ได้รับการโอนไปยังบัญชีของคุณหลังเทรดสำเร็จแล้ว โปรดติดต่อทีมงานฝ่ายบริการลูกค้าของเราและส่งภาพหน้าจอ (Screenshot) ที่แสดงข้อมูลต่อไปนี้
รายละเอียด Order
รหัสข้อผิดพลาดหรือข้อความแสดงข้อผิดพลาด
วิธีการใช้ฟังก์ชั่น Stop-Limit
ระบบจะดำเนินการ Stop-Limit Order ณ ราคาที่กำหนดไว้ (หรือในราคาที่ดีกว่า) หลังราคาสินทรัพย์ถึง Stop Price หนึ่งๆ เมื่อถึง Stop Price แล้ว Stop-Limit Order จะกลายเป็น Limit Order เพื่อซื้อหรือขายที่ราคา Limit หรือในราคาที่ดีกว่า
คำอธิบายกลไกของ SL (Stop-Limit):
Stop Price: เมื่อราคาปัจจุบันของสินทรัพย์ถึงระดับ Stop Price ที่ระบุไว้ ระบบจะดำเนินการ Stop-Limit Order เพื่อซื้อหรือขายสินทรัพย์ที่ราคา Limit ที่ระบุไว้หรือในราคาที่ดีกว่า
Limit Price: ราคาที่กำหนดไว้ (หรือราคาที่ดีกว่า) ซึ่งเป็นราคาที่ระบบจะดำเนินการ Stop-Limit Order
ปริมาณ: ปริมาณสินทรัพย์ที่ซื้อหรือขายใน Stop-Limit Order
ตัวอย่าง:
ราคาเทรดล่าสุดของ BNB คือ 18.40 USDT และแนวต้าน (Resistance) อยู่ที่ราวๆ 18.30 USDT หากคุณคิดว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้นหลังจากราคาแตะระดับแนวต้าน คุณสามารถใช้ Stop-Limit Order เพื่อซื้อ BNB เพิ่มโดยอัตโนมัติได้ที่ราคา 18.32 USDT ด้วยวิธีนี้ คุณจะไม่ต้องคอยจับตามองการเคลื่อนไหวของตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อรอให้ราคาถึง Target Price ของคุณ
แนวทาง: เลือก “Stop-Limit” Order จากนั้นกำหนด Stop Price เป็น 18.30 USDT และ Limit Price เป็น 18.32 USDT จากนั้นคลิกปุ่ม “ยืนยัน” เพื่อส่ง Order
การเทรดมาร์จิ้นบนแอป Binance
ในการเทรดมาร์จิ้นใน Binance คุณสามารถยืมเงินทุนเพื่อทำการซื้อขายแบบเลเวอเรจได้ ทำตาม 4 ขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้เพื่อทำการซื้อขายมาร์จิ้นให้เสร็จภายใน 1 นาที:
การซื้อขายมาร์จิ้นรองรับทั้งโหมด [Cross Margin] และ [Isolated Margin]
การเทรดมาร์จิ้นคืออะไร
การเทรดมาร์จิ้นเป็นวิธีการเทรดสินทรัพย์โดยใช้เงินที่จัดหามาโดยบุคคลที่สาม เมื่อเทียบกับบัญชีเทรดปกติ บัญชีมาร์จิ้นช่วยให้ผู้เทรดเข้าถึงเงินทุนจำนวนมากขึ้นทำให้พวกเขาสามารถเลเวอเรจ Position ของตนได้ โดยพื้นฐานแล้ว การเทรดมาร์จิ้นจะขยายผลการเทรดเพื่อให้ผู้เทรดสามารถรับผลกำไรที่สูงขึ้นจากการเทรดที่ประสบผลสำเร็จ ความสามารถในการขยายผลการเทรดนี้ทำให้การเทรดมาร์จิ้นเป็นที่นิยมในตลาดที่มีความผันผวนต่ำ โดยเฉพาะตลาด Forex ระหว่างประเทศ นอกจากนี้ การเทรดมาร์จิ้นยังเป็นวิธีที่ใช้ในตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และคริปโทเคอร์เรนซีอีกด้วย
ในตลาดแบบดั้งเดิม เงินที่ยืมมักจะจัดหาโดยนายหน้าการลงทุน อย่างไรก็ตาม ในการเทรดคริปโทเคอร์เรนซี เงินทุนมักมาจากผู้เทรดรายอื่นๆ ซึ่งได้รับดอกเบี้ยตามความต้องการของตลาดสำหรับเงินทุนมาร์จิ้น ตลาดแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีบางแห่งยังจัดสรรให้เงินทุนมาร์จิ้นแก่ผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นกรณีที่พบไม่บ่อย